ilikemassage.com

วิธีเอาตัวรอดของบัณฑิต ยุคประชากร 7 พันล้านคน

 

เมื่อเช้านี้ เพื่อนโทร. มาปรึกษา บอกว่าลูกสาวเรียนแผนกศิลป์อยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดม

เป็นเด็กที่เก่งมากเกรดเฉลี่ย 3.8 แต่ไม่รู้จะไปเรียนต่อคณะอะไรดี

เพื่อนลูกส่วนมากก็มุ่งหวังไปแย่งที่นั่งในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ แต่ตัวลูกก็ไม่รู้ว่าจะดีไหม

ส่วนแม่แนะนำให้สอบเข้านิติศาสตร์

สำหรับเพื่อนผมก็ยังไม่หายขัดใจที่พยายามให้ลูกเรียนสายวิทย์ แต่ลูกไม่สนใจ

 

นี่แหละครับปัญหาใหญ่ของการศึกษาในบ้านเมืองเรา

รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกวิชา แต่ไม่รู้จักตัวเอง

 

สมัยก่อนมันไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกครับ เรียนๆ ท่องๆ ติวหนักๆ เกรดดีๆ

สอบเข้าจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ได้ จบมาก็มีงานทำ มีทุนให้เรียนต่อ

 

แต่ในวันนี้

 

วันที่ประชากรโลกมี 7,000 ล้านคน เรื่องราวมันเปลี่ยนไปมากครับ

 

ทุกวันนี้คนไทยเราเรียนจบปริญญาตรีกันปีละประมาณ 5 แสนคน

เรื่องที่จะหวังไปทำงานราชการนั้น มันยากจริงๆ

เพราะ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เขารับบรรจุข้าราชการปีละ 5,000 คน

 

บัณฑิตเราจำนวนมากต้องไปหางานเอกชนทำ

บัณฑิตส่วนหนึ่งจบมาแล้วไม่รู้จะทำอะไร ก็เรียนต่อปริญญาโทเพื่อชะลอการตกงาน

คนได้ทำงานจำนวนมากอาจจะไปทำงานที่ไม่ตรงกับที่เรียนมาเลย

และอีกมากที่ทำงานอะไรก็ได้ขอให้มีเงินเดือน

แต่ก็ยังไม่น่าห่วงเพราะยังดีที่มีงานทำ

เพราะมีอีกหลายแสนคนที่ตกงาน

 

การศึกษาของเรานั้นลอกเรียนแบบจากประเทศทางตะวันตก

ทุกวันนี้ลูกพี่ใหญ่ของเรา คืออเมริกา มีปัญหามากมายจากการว่างงานครับ

ในสหรัฐอเมริกา มีบัณฑิตตกงานมากมายเพราะค่าจ้างเงินเดือนสูงมาก

เมื่อโลกของการเชื่อมโยงข้อมูลเติบโต เทคโนโลยีสื่อสารอย่างทั่วถึงเช่นในปัจจุบัน

ทำให้บริษัทต่างๆ ในอเมริกาที่ต้องการจะอยู่รอดและทำกำไร จึงหันไปใช้บริการของบัณฑิตในอินเดีย

ซึ่งค่าจ้าง เงินเดือนถูกมาก

วิศวกรอินเดีย จบปริญญาเอก โท ตรี มีมากมาย คุณภาพใช้ได้ ภาษาอังกฤษดี

ค่าตัวถูกกว่าจ้างคนอเมริกันอย่างน้อยก็ 4 เท่าครับ

งานต่างๆที่สามารถจะส่งต่อไปทำที่อินเดียได้ จึงถูกส่งไปยัง บังกาลอร์ แหล่งบัณฑิตค่าจ้างถูกที่ประเทศอินเดีย

ทุกวันนี้ งานออกแบบวิศวกรรม งานวิจัยทางเคมี ชีววิทยา งานทำบัญชี งานวิเคราะห์ระบบต่างๆ

ของบริษัทอเมริกัน ต่างถูกส่งออกไปยังอินเดีย

แมักระทั่งพนักงานรับโทรศัพท์ในโรงแรมที่อเมริกา

ยังรับโทรศัพท์ พูดคุยและให้บริการลูกค้าอยู่ที่บังกาลอร์

 

คนอเมริกันที่เคยทำงานง่ายๆ เงินเดือนสูงๆ ต่างต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

ส่วนผู้ที่จบมาใหม่ โอกาสหางานก็ยากขึ้นทุกวันครับ

แม้กระทั่งประเทศอังกฤษ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษก็ยังออกมารายงานว่า

ตอนนี้ คนอังกฤษตกงานจำนวนมากมีจำนวนผู้ไม่มีงานทำมากถึง 2.62 ล้านคน

ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

 

บัณฑิตตกงานมากมายในบ้านเราก็มีมากอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อมีการกระตุ้นสังคมให้ตื่นตัวเรื่องประชาคมอาเซียน

ก็ยิ่งสร้างความกังวลให้นิสิตนักศึกษาจำนวนกว่า 2 ล้านคนในบ้านเรา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในอีก 3-4 ปีข้างหน้านี้

ได้รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมืออย่างเสรีในกลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ

ซึ่งตอนนี้ตกลงไปแล้ว 7 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ วิศวกรรม พยาบาล สถาปัตยกรรม การสำรวจ แพทย์ ทันตแพทย์ และนักบัญชี

ส่วนสาขาอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาและแน่นอนว่าจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ

 

วิศวกรไทยเงินเดือน 20,000 บาท แต่ถ้าคุณภาพสู้วิศวกรจากเวียดนามเงินเดือน 15,000 บาทไม่ได้

อีกหน่อยวิศวกรเวียดนามก็อาจเข้ามาทำงานแทน

 

การกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำของประเทศก็ไม่ได้เป็นความมั่นคงอีกต่อไป

เพราะไม่มีเจ้าของกิจการที่ไหนยอมขาดทุน หรือเสียเปรียบ

เขาก็ต้องจ้างแรงงานที่ราคาถูกกว่าถ้าคุณภาพไม่ต่างกัน

 

ปัญหาที่น่าสนใจก็คือ ถ้าวันนี้เป็นนักเรียนอยู่มัธยม หรือเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย

แล้วจะทำอย่างไร จะเตรียมตัวอย่างไร จึงจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพวิ่งหางาน

 

คำตอบก็คือ ถ้าเราไม่ได้เรียนจบในสาขาต่อไปนี้

1. แพทยศาสตร์

2.เภสัชศาสตร์

3. พยาบาล

4. เทคนิคการแพทย์

5.ทันตแพทย์

6 ทหาร ตำรวจ (จปร.)

โอกาสจะได้งานนับว่ายากมาก

ดังนั้น แทนที่จะรอให้ปัญหามาถึง เราก็ป้องกันล่วงหน้า ด้วยการเตรียมพร้อม

 

คำแนะนำของผมก็คือ เราต้องตั้งเป้าหมายใหม่ แทนที่จะใช้แนวคิดค่านิยมเดิมๆ

คือเรียนจบเพื่อให้ได้ปริญญา แล้วจะนำปริญญาไปสมัครเข้าทำงาน

เราก็คิดเสียใหม่ว่าเราเรียนจบเพื่อทำงานได้

จะทำอย่างไร ให้ทำงานได้ นี่แหละครับคือสิ่งที่พวกเราต้องเตรียมตัว

 

หลักการง่ายๆ ที่ใช้เพื่อเตรียมตัว เป็นผู้ ทำงานได้

 

1.ต้องมีวิชาชีพ  

คนที่มีพ่อแม่ทำกิจการ ก็ต้องเริ่มไปช่วยกิจการเลย จะเป็นร้านเล็กๆ บริษัทใหญ่ๆ

ก็แบ่งเวลาไปฝึกทำงาน พอเรียนจบมาก็ทำกิจการได้ มีงานทำทันที

 

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้มีกิจการ ก็ให้ไปเรียนวิชาชีพ

คือเรียนวิชาที่ประกอบอาชีพได้เลยด้วยตนเอง

เช่น  ทำขนม เสริมสวย ซ่อมคอมพิวเตอร์ ฝึกเล่นกีฬาเป็นอาชีพ ร้องเพลง

เล่นดนตรี แสดงมายากล ถ่ายภาพ ตัดต่อหนัง ฯลฯ

คือฝึกเป็นผู้ประกอบการ

เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนแนวคิดเก่าๆ ที่ดูถูกคนทำงาน

การทำงานเป็นสิ่งที่มีเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ยิ่งฝึกฝนก็ยิ่งชำนาญ

เพราะนอกจากจะสร้างงานด้วยตัวเองแล้ว ในอนาคตเมื่อกิจการเติบโตขึ้น เราอาจจะรับคนเข้ามาทำงานได้อีกด้วย

 

แนวคิดลักษณะนี้ได้แพร่หลายมากในสิงคโปร์ เขาพยายามสร้างผู้ประกอบการ

โดยให้นักศึกษาได้เป็นผู้ประกอบการ ทำกิจการจริง เปิดแผง ขายของ รับออกแบบ พัฒนาสินค้าต่างๆ ออกขาย

โดยรัฐบาลสนับสนุน ในเรื่องทุนและสถานที่

ซึ่งจะทำให้บรรดานักศึกษาเหล่านี้มีประสบการณ์และรู้จักการทำมาหากิน

และหลายคนก็ทำเงินมีทุนดำเนินกิจการต่อ ก่อนที่จะเรียนจบ

 

2 ต้องฝึกวิชา ใช่

ผมมีหลักง่ายๆ มาให้ครับ เคล็ดไม่ลับในการฝึก วิชา ใช่ คือ

สอง  ร  และสอง   อ

 

ร  เรียนรู้

ต้องเป็นผู้เรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตนเอง

ความรู้ต่างๆ ทุกวันนี้เกิดขึ้นมามากมาย คนที่พร้อมจะทำงาน ต้องมีนิสัยอยากรู้ และเรียนรู้ตลอดเวลา

เราต้องดู และเรียนรู้ตนเอง จุดอ่อนที่ต้องพัฒนา เพื่อก้าวสู่เป้าหมายของเรา

ทุกคนสำเร็จได้ ในวิถีของตนเองครับ

คนที่ไม่รู้เป้าหมาย ไม่รู้ตนเอง เรียนตามคนบอก เรียนตามกระแสไปเรื่อยๆ ยากที่จะสำเร็จครับ

 

ร รับผิดชอบ

ฝึกเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะไม่ว่างานใดๆ ถ้าขาดความรับผิดชอบ ถึงจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีใครต้องการให้มาอยู่ร่วมทีม

ความรับผิดชอบเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการทำงานครับ

 

อ  อดทน

เจ้าของกิจการมากมายมักบ่นให้ฟังว่า เด็กสมัยนี้ใจร้อน รอไม่ได้ ไม่อดทน

ชอบทำงานเบาๆ แต่อยากได้เงินเดือนสูงๆ ชอบวันหยุดมากๆ

เมื่อได้รับมอบหมายงานแล้วก็ไม่ต้องใจไม่อดทนไม่ทุ่มเท

นั่นคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงฝึกฝน ต้องอดทนเพื่อความสำเร็จครับ

คนที่เขาเป็นหัวหน้าดูเหมือนทำงานสบายเงินเดือนสูง ส่วนมากเขาก็ได้มาเพราะความอดทนนี่แหละครับ

 

อ อดกลั้น

ต้องฝึกอดกลั้นต่อความชั่วและสิ่งที่จะสร้างความวุ่นวายให้ชีวิต

ลองถามตัวเองดูว่า เราโกรธง่ายเกินไปไหม อะไรก็ไม่พอใจ

อะไรไม่เป็นอย่างที่หวัง เราก็โกรธ

ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่ไม่เคยฝึกจิตใจ ไม่อดกลั้น อารมณ์โกรธวูบเดียวก็อาจนำหายนะมาให้เราได้

คนจำนวนไม่น้อยที่ โดนหลอก โดนต้มเพราะความโลภ

เราโลภเกินไปไหม อะไรก็อยากได้

หลายคนอยากได้ จนต้องโกง

คนมากมายพังก็เพราะความโลภนี่แหละครับ

 

เริ่มต้นสร้างคุณค่าในตัวเองกันเถอะครับ แล้วเราจะอยู่ในโลก 7,000 ล้านคนนี้อย่างมีความสุขและไม่ตกงาน