ilikemassage.com

โบรกแนะเก็งกำไร 11 บจ.ดาวรุ่ง



 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก หลังสหรัฐฯ แจ้งยอดขอสวัสดิการว่างงานลดลงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์คาดดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และมูดีส์มีโอกาสจะปรับเครดิตเรตติ้งประเทศไทยขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ เน้นหุ้น Laggard and Windows dressing Plays เก็งกำไร 11 หุ้นเด่น ได้แก่ LHBANK, BH, CK, CENTEL, KTB, TMB, EA, DTAC, SCB, PS, ASP

KGI คาดดัชนีฯ วันศุกร์บวกได้บ้างแต่ยังเสี่ยงถูกขายล็อกกำไร จาก พอร์ต บล. ซึ่งซื้อสุทธิ 1.48 พันล้านบาทเมื่อวาน ขณะที่ยอดซื้อสุทธิของต่างชาติอาจมีผลจากบิ๊กล็อต 2.57 พันล้านบาทของ OISHI (เป็นเพียงคาดการณ์ของเรา เรายังไม่มีข้อมูลฝั่งผู้ซื้อ-ขายอย่างชัดเจน) ปัจจัยมหภาคเป็นบวกอยู่ สหรัฐฯ แจ้งยอดขอสวัสดิการว่างงานลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ญี่ปุ่นได้ผู้ว่า ธ.กลางคนใหม่แล้วหลัง 2 สภาอนุมัติเช้านี้ หนุนเงินเยนอ่อนต่อสัปดาห์หน้า ส่วนปัจจัยติดตามได้แก่ i) การเมืองอิตาลีซึ่งจะเปิดสภาวันนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำงานได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะมีเลือกตั้งใหม่หรือไม่ก็คือตั้งคนนอกมาเป็นนายกฯ ii) ประชุมเฟดวันที่ 19-20 มี.ค. คาดเป็นข่าวบวกแต่ไม่มาก น่าจะย้ำทำ QE ต่อ แนะถือพอร์ตหุ้นต่อเน้นในกลุ่มรับเหมา (เด่นสุด) รองลงไปคือกลุ่มบ้าน และนิคมอุตสาหกรรม

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

ซื้อเก็งกำไร กลุ่มแบงก์, EA

หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า

- ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: DCC, TIES, BTS*, ANAN, BGH*, TMT, HMPRO, DCON, TKS, SAMTEL, TISCO*, JAS*, JMART, AP, SYMC, DEMCO, CRANE, CK, HEMRAJ, AS

-เก็งกำไรสั้นต่อได้: STEC, THAI*, AIT, LOXLEY, AI, TTCL, MK, TRC, TRUE*, AOT*, EA, SF,TASCO, KK*

บล.เคจีไอ (ประเทศไทยยังคาดหมายว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ มูดีส์มีโอกาสจะปรับเครดิตเรตติ้งประเทศไทยขึ้นหลังจากฟิตช์ เรตติ้ง ปรับอันดับเครดิตเรตติ้งไทยขึ้นเป็น A- คาดจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มแบงก์ เพราะต้นทุนการระดมทุนจะลดลง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งตามรอบ ดังนั้นควรแบ่งขายในช่วงบวกด้วย

กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำให้แบ่งส่วนทำกำไรในช่วงตลาดบวก และถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้งแนะนำให้รอจังหวะซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวย้อนลงเป็นลบเท่านั้น โดยยังเน้นเป็นเทรดดิ้งตามรอบไว้ก่อนเพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด

หุ้นเด่นทางเทคนิค LHBANK, BH, AMATA (SBL)

แนวโน้ม เมื่อวานนี้ SET ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดได้ดี หลังญี่ปุ่นเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. ที่ยังดีอยู่ บ่งชี้ถึงกิจกรรมการผลิตของภาคเอกชนที่กำลังฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวปานกลาง ขณะที่เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงเกินคาด และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปที่เพิ่มขึ้นตามคาดเป็นปัจจัยผลักดันให้ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังคงสามารถปิดเป็นบวกต่อเนื่องได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดทำการเป็นบวกด้วย

ดังนั้น FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะเปิดบวกขึ้นต่อเนื่องจากระดับปิดวานนี้ได้ อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำให้ระวังแรงขายทำกำไรที่มีโอกาสที่จะกดดันให้ดัชนีแกว่งผันผวนในระหว่างวัน และอาจส่งผลต่อเนื่องให้มีการปรับพักตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์หน้าอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูผลการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี รวมถึงยังรอความชัดเจนของแนวทางในการแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากการปรับลดงบประมาณของสหรัฐด้วย

แนวรับ 1584-1580 , 1577-1574 จุด แนวต้าน 1590 , 1596-1600 จุด

บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sentiment ดี หนุน SET มุ่งสู่ 1600 จุด กลยุทธ์การลงทุน: Selective trading

บรรยากาศการลงทุนที่ดีในตลาดโลกจะช่วยหนุน SET มุ่งหน้าสู่ระดับ 1600 จุด หลังวานนี้ปิดเหนือ 1580 ได้สำเร็จ ขณะที่ข้อมูลภาคแรงงานที่ดีของสหรัฐหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี

อาจมีแรงขายทำกำไรหลังเข้าใกล้ระดับจิตวิทยาดังกล่าว และแม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทมาสู่ระดับ 29.55 บาท/ดอลลาร์ จะเป็นแรงหนุนต่อกระแสเงินลงทุนก็ตาม แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้ว พบว่าแรงซื้อ/ขายของต่างชาติยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนไปในทางใดทางหนึ่ง โดยมีการซื้อ-ขายสลับไปมาเกือบทุกวัน อีกทั้งยังถือสถานะด้านขายสุทธิในตลาดอนุพันธ์ด้วย ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากกว่า ในแง่รมว.คลังที่เรียกร้องธปท.ให้ดูแลบาทที่แข็งค่าหวั่นกระทบภาคส่งออกนั้น อาจทำให้มีการดำเนินมาตรการใดๆ เพิ่มเติมเพื่อกดดันบาทให้อ่อนลง แม้ไม่คาดจะเห็นการพลิกกลับของค่าเงิน แต่อาจชะลอการแข็งค่าได้บางส่วน

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: คงแนะนำ Selective trading โดยให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น และให้ติดตามข่าวต่างๆ อย่างใกล้ชิด แนวต้าน : 1590, 1600 แนวรับ : 1580, 1576

บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ SET มีลูกฮึดปรับขึ้นต่อ หลังทรงตัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา นำโดยกลุ่มแบงก์ จากคำกล่าวของผู้ว่า BOT ถึงความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนฯ ด้านตลาดต่างประเทศสดใสทุกอย่างเป็นใจให้ SET จะขึ้นทดสอบระดับ 1600 จุด อย่างไรก็ตาม ด้านแนวโน้มราคา เรามองรอบนี้ SET จะยังไม่ผ่าน 1595-1600 จุด และจะมีแรงขายทำกำไรที่ระดับนี้ เพื่อเข้าสู่ช่วงการพักฐานอีกครั้ง โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1570 1563 และ 1555 จุด ตามลำดับ ดังนั้นกลยุทธ์พิจารณาแบ่งขายทำกำไร ณ ระดับ 1595-1600 จุด ส่วนการเข้าสะสมหุ้นพื้นฐาน เราให้รอการปรับฐานของดัชนีรอบหน้า จะได้ต้นทุนที่ต่ำกว่า หุ้นแนะนำในวันนี้ ได้แก่ CK CENTEL KTB และ TMB

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 75% : เงินสด 25%

ถือต่อในพอร์ต : SCB, TKT, THAI, TISCO, SINGER

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ Laggard and Windows dressing Plays แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐปรับขึ้นหลังสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร โดยมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2553 ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงาน ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปีอีกทั้งยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยหนุนการปรับตัวขึ้นของดัชนีทั่วโลกคืนที่ผ่านมา ความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรยังคงมีอยู่ แต่ทั้งนี้ความเสี่ยงของระบบการเงินโลกที่ลดลง อาจกระตุ้นการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติและจำกัดการปรับลดลง ดังนั้นเพื่อ balance ความเสี่ยงดังกล่าว เงินใหม่ขอเน้นการเก็งกำไร/ลงทุนในหุ้นที่เสี่ยงน้อยกว่าตลาดรวม (เน้น Laggard หรือTurnaround)

ปัจจัยอื่น/ TMB – รมว.คลังเปิดทางเกาหลีใต้ซื้อเกิน 50% โดยคลังมีต้นทุนที่ 3.80 บาท อาจทำให้เกิดแรงเก็งกำไร TMB วันนี้/ ยานยนต์ – สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) ยังไม่ปรับเป้าผลิตรถยนต์ขึ้นจาก 2.5 เป็น 2.8 ล้านคันเนื่องจากประเมินอาจมีผู้สละสิทธิ์การจองรถคันแรก 1.2 ล้านคัน ราว 20-30% เป็นข่าวลบระยะสั้นของหุ้นที่เกี่ยวข้อง แต่มองเป็นโอกาสซื้อ SAT STANLY /หลักทรัพย์ - อาจกลับมาเก็งกำไรหุ้นหลักทรัพย์ หลังหุ้นพักมา 2-3 วัน (ชอบ ASP) กลยุทธ์การลงทุน: หุ้นไทยวันนี้มีโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบ 1600+/- จุด ตลาดมีทั้งความเสี่ยงทางลงจากจากแรงขายทำกำไร และโอกาสที่ตลาดจะขึ้นดีกว่าที่คาดดังนั้นนักลงทุนอาจแบ่งทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมามากบ้าง และจำกัดขนาดของการลงทุนโดยรวม ในส่วนของเงินใหม่เน้นหุ้นที่ Laggard และ Turnaround โดยมองว่าหุ้นที่มีโอกาสถูกปรับประมาณการขึ้น จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการลงทุนระยะสั้นได้ หุ้นแนะนำ DTAC SCB PS

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (เมื่อ 22 ก.พ.) ขอเสี่ยงลดน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ลง 10% (ปัจจุบันเหลือ 70%) ซึ่งในส่วนของการซื้อต่อยอดสะสมระยะกลาง ขอเน้นเลือกซื้อใน ADVANC PTT CPF KBS TICON AP KTB CCET KCE TTA MAJOR STANLY

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล www.kaohoon.com

ตั้งเมื่อ 18-03-2013